- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
มาวิคราะห์ความน่าลงทุนของ แคนตาลูป เมล่อนและแตงทิเบตของชาวเกษตรกรกันดีกว่าค่ะ
อย่ามองแค่ราคาขาย...แต่มองว่าเราจะทำให้มันรอดไปจนถึงวันได้ขายแล้วเหลือกำไรเท่าไหร่
อย่ามองแค่ราคาขาย...แต่มองว่าเราจะทำให้มันรอดไปจนถึงวันได้ขายแล้วเหลือกำไรเท่าไหร่
แคนตาลูป เมล่อนและแตงทิเบต เหมือนกันคือ 1 ต้น = 1 ลูก และ 1 ไร่ ประมาณ 3,000 ต้นค่ะ
การดูแลพื้นฐานต่างกันไม่มาก ต้นทุนการผลิตต่อไร่ในส่วนของอุปกรณ์ไม่ต่างกันค่ะ
-พลาสติกคลุมแปลง 2 ม้วนๆละ 1,500 บาท(ยาว 4 00 เมตร เจาะรูแล้ว) = 3,000 บาท
-สายน้ำหยด 2 ม้วนๆละ 1,800 บาท (ม้วนละ 1,000 เมตร) = 3,600 บาท
-ปุ๋ยเคมี ประมาณ 3 กระสอบๆ ละ 1,000 = 3,000 บาท
-ไม้ค้าง 1,000 ลำ ประมาณ 2,500 บาท
-ค่าอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เชือก จะไม่มากค่ะ
อันนี้เป็นราคาโดยประมาณนะคะ ส่วนอื่นๆที่ต่างกันก็คือ ค่าแรง ค่าธาตุอาหารเสริมทางใบ ค่าสารเคมีกำจัดโรค-แมลง นี่คือตัวแปรสำคัญของต้นทุนค่ะ แต่เราประเมินการลงทุนเบื้องต้นรวมทั้งหมด รวมทั้งค่ายา แรงงานไว้ที่ ไร่ละ 25,000-30,000 บาทค่ะ
การดูแลพื้นฐานต่างกันไม่มาก ต้นทุนการผลิตต่อไร่ในส่วนของอุปกรณ์ไม่ต่างกันค่ะ
-พลาสติกคลุมแปลง 2 ม้วนๆละ 1,500 บาท(ยาว 4 00 เมตร เจาะรูแล้ว) = 3,000 บาท
-สายน้ำหยด 2 ม้วนๆละ 1,800 บาท (ม้วนละ 1,000 เมตร) = 3,600 บาท
-ปุ๋ยเคมี ประมาณ 3 กระสอบๆ ละ 1,000 = 3,000 บาท
-ไม้ค้าง 1,000 ลำ ประมาณ 2,500 บาท
-ค่าอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เชือก จะไม่มากค่ะ
อันนี้เป็นราคาโดยประมาณนะคะ ส่วนอื่นๆที่ต่างกันก็คือ ค่าแรง ค่าธาตุอาหารเสริมทางใบ ค่าสารเคมีกำจัดโรค-แมลง นี่คือตัวแปรสำคัญของต้นทุนค่ะ แต่เราประเมินการลงทุนเบื้องต้นรวมทั้งหมด รวมทั้งค่ายา แรงงานไว้ที่ ไร่ละ 25,000-30,000 บาทค่ะ
คราวนี้มาดูความได้เปรียบของแต่ละชนิด
1.แคนตาลูป ค่าเมล็ดพันธุ์ 1 บาท/เมล็ด ผลผลิต 1 ลูก 2 กก. (แต่แคนตาลูปสามารถทำน้ำหนักได้ถึง 2.5 กก.) ราคาต่อ กก.15-20 บาท (ราคาขายหน้าสวน) รายได้ต่อต้น 30-40 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ก็ 90,000-120,000 บาท (เอากลางๆนะคะ อาจสูงถึง 150,000 บาท ถ้าราคาแคนตาลูปสูงถึง 25-30 บาท/กก.ค่ะ) แต่ข้อดีของแคนตาลูปที่ใช้เครื่องพ่นยาก็คือ โอกาสสำเร็จมากที่สุดเพราะทรหด อดทนที่สุด โรค-แมลงรบกวนน้อยที่สุด ที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยว 60 วัน เท่ากับจำนวนวันที่ต้องดูแลน้อยกว่า ความเสี่ยงลดลง รอบการผลิตต่อปีจะเยอะค่ะ ตลาดกว้าง ตลาดรองรับได้มากเพราะราคาไม่แพง
1.แคนตาลูป ค่าเมล็ดพันธุ์ 1 บาท/เมล็ด ผลผลิต 1 ลูก 2 กก. (แต่แคนตาลูปสามารถทำน้ำหนักได้ถึง 2.5 กก.) ราคาต่อ กก.15-20 บาท (ราคาขายหน้าสวน) รายได้ต่อต้น 30-40 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ก็ 90,000-120,000 บาท (เอากลางๆนะคะ อาจสูงถึง 150,000 บาท ถ้าราคาแคนตาลูปสูงถึง 25-30 บาท/กก.ค่ะ) แต่ข้อดีของแคนตาลูปที่ใช้เครื่องพ่นยาก็คือ โอกาสสำเร็จมากที่สุดเพราะทรหด อดทนที่สุด โรค-แมลงรบกวนน้อยที่สุด ที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยว 60 วัน เท่ากับจำนวนวันที่ต้องดูแลน้อยกว่า ความเสี่ยงลดลง รอบการผลิตต่อปีจะเยอะค่ะ ตลาดกว้าง ตลาดรองรับได้มากเพราะราคาไม่แพง
2.เมล่อน (คนอยากปลูกกันเยอะ เพราะมองที่ราคาขายกันเป็นหลักค่ะ) ค่าเมล็ดพันธุ์ 4-7 บาท/เมล็ด ผลผลิต 1 ลูก 1.5-2 กก. (ส่วนใหญ่น้ำหนักผลจะน้อยกว่าแคนตาลูป) ราคาต่อ กก. 40-45 บาท รายได้ต่อต้น 60-80 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ก็ 180,000-200,000 บาท (ถ้าได้ผลผลิต 80-90%) แต่จุดเสี่ยงของเมล่อนก็คือ โอกาสสำเร็จน้อยกว่าแคนตาลูป เพราะอ่อนแอกว่าแคนตาลูป โอกาสที่จะเสียหายจากโรค-แมลงรบกวนจึงมีมาก โดยมีอัตราความสูญเสีย 20-30% (รายได้ก็จะลดลง) ขณะที่ต้นทุนในส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยว 75-90 วัน เท่ากับต้นทุนจะสูงกว่าแคนตาลูปจากการดูแลเรื่องปุ๋ย การพ่นสารเคมี และเสี่ยงต่อความเสียหายไปอีก 25-30 วัน ในส่วนของตลาดเมล่อนก็ขายยากกว่า ตลาดแคบกว่า ต้องหมั่นดูแลดีๆ ต้องหมั่นดูแลหญ้าและใช้เครื่องตัดหญ้าคอยตัดหญ้าอย่างสม่ำเสมอ เพราะราคาสูงกว่า ต้องป้อนตลาดบนหรือตลาดห้างเป็นหลัก ส่วนที่ตกเกรดคนรับซื้อก็จะซื้อราคาถูก ตลาดล่างขายยากเพราะราคาสูง ต้องหาตลาดล่างมารองรับให้ได้
3.แตงทิเบต ค่าเมล็ดพันธุ์แพง 7-10 บาท/เมล็ด เมล็ดพันธุ์หายาก ผลผลิต 1 ลูก 2.5-3 กก. ราคาต่อ กก. 30-35 บาท(หน้าสวน) รายได้ต่อต้น 80-100 บาท ผลตอบแทนต่อไร่ก็ 220,000-250,000 บาท (ถ้าได้ผลผลิต 80-90%) แต่จุดเสี่ยงของแตงทิเบตก็คือ โอกาสสำเร็จน้อยกว่า 2 ชนิดที่กล่าวมา เพราะอ่อนแอและใจเสาะสุดๆ โอกาสที่จะเสียหายจากโรค-แมลงจึงมีมาก โดยมีอัตราความสูญเสีย 30-40 % (รายได้ก็จะลดลง) การลงทุนในส่วนนี้ก็จะสูงขึ้น อายุการเก็บเกี่ยว 75-80 วัน ในส่วนของตลาดแตงทิเบตก็ขายยากกว่า ตลาดแคบกว่าทั้ง 2 ชนิด เพราะด้วยความที่เป็นแตงลูกใหญ่ ราคาต่อลูกจึงสูงถึง 130-180 บาท ต้องป้อนตลาดบนหรือตลาดห้างเป็นหลัก ตลาดล่างขายยากเพราะราคาสูง วิธีประหยัดคือการใช้เครื่องปั่นไฟจึงมีการแก้ปัญหาด้วยการผ่าขายครึ่งลูกเพื่อให้ขายง่ายขึ้น
และด้วยความที่ความเสี่ยงสูงกว่าแคนตาลูป จึงทำให้ คนปลูกเมล่อน แตงทิเบต ลดความเสี่ยงด้วยการลงทุนปลูกในโรงเรือน
.....จะปลูกแตงอะไร.....ก็ลองดูค่ะ....อย่ามองแค่ ราคาขาย/กก. ค่ะ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
ขอเบอร์คับ
ตอบลบ