- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
แคนตาลูป…เป็นอีกพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจของเกษตรกรเพราะมีการสร้างเชิงการค้าอย่าง
คึกคัก ด้วยความได้เปรียบตรงที่ แคนตาลูปเป็นพืชที่มีท้องตลาดรองรับค่อนข้างกว้างใหญ่
ทำเงินเร็ว เพียง 60-65 วันก็เก็บผลผลิตได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นพืชที่ให้ผลได้สูงมาก แม้
แคนตาลูปจะเป็นพืชที่ต้องการการดูแลที่ละเอียดอ่อน และต้องอาศัยความรู้และ
ประสบการณ์พอสมควร แต่ก็คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ได้ค่ะ
แหล่งกำเนิดของการเข้าสู่วงการแคนตาลูป
เจมส์…. เด็กหนุ่มจากรั้ว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่วันนี้เขาได้ใช้ความรู้เดินบนเส้นทางของ
การเป็นชาวสวนประสบความสำเร็จและสร้างเม็ดเงินจากอาชีพปลูกสร้างแคนตาลูปมา
นานกว่า 6 ปีโดยใช้เครื่องพ่นยา เจมส์เล่าว่าเดิมครอบครัวทำสวนลำไย แต่เขามีโอกาสไป
เห็นการปลูกแคนตาลูปจึงเกิดความสนใจเพราะเป็นพืชที่ทำเงินเร็ว เพียง 60 วัน อีกทั้งยัง
เป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนที่สูงมาก จากนั้นเจมส์ก็เข้าสู่วงการแคนตาลูปด้วยการปลูกเคนตา
ลูปส่งให้ผู้ขาย และมีโอกาสผลิตแคนตาลูปป้อนส่งให้กับ บริษัท โดลไทยแลนด์ จำกัด
นานกว่า 3 ปีเลยทีเดียว ในพื้นที่โซนชุมพร ใกล้กับโรงงานรับซื้อของบริษัท ปีหนึ่งๆ เจมส์
ปลูกแคนตาลูปส่งให้โดลมากกว่า 500,000 กก.เลยทีเดียว แต่สุดท้ายเจมส์เลือกกลับมา
ปักหลักที่บ้านเกิดโดยยังยึดอาชีพปลูกแคนตาลูปเหมือนเดิม และการปลูกแคนตาลูปของ
เจมส์ก็นับว่าสร้างงานให้กับชาวบ้านได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะเจมส์จะลงปลูกแคนตาลูป
รอบละ 10,000 -20,000 ต้น ตลอดทั้งปี และสร้างแรงงานในพื้นที่มาทำงานในสวน
แคนตาลูปของเจมส์ ซึ่งต้องใช้แรงงานพอสมควรในบางช่วง
นัดหมายการผลิตรุ่นละ 20,000 ต้น
เน้นแคนตาลูปเนื้อเขียวเป็นหลัก
ในด้านการกำเนิดเจมส์บอกว่าจะเช่าพื้นที่ปลูกไปเรื่อยๆในโซนใกล้ๆบ้าน เขตป่าซาง
ลำพูนเป็นหลัก โดยแต่ละรอบเจมส์จะปลูกแคนตาลูปรุ่นละประมาณ 20,000 ต้น แต่รุ่นนี้
เจมส์ปลูกเพียง 10,000 ต้นและใช้เครื่องตัดหญ้าหมั่นตัดหญ้า เพราะหาพื้นที่และเตรียม
พื้นที่ได้แค่นี้ ในส่วนของพันธุ์เราจะคุ้นเคยกับแคนตาลูปเนื้อส้มกันเป็นหลัก แต่เจมส์
เลือกที่จะปลูกแคนตาลูปเนื้อเขียว พันธุ์ฮันนี่ดิว ฮันนี่เวิร์ล เป็นหลัก เพราะเขาบอกว่าถนัด
กับพันธุ์นี้ อีกอย่างแคนตาลูปเนื้อเขียวมีจุดดีตรงที่ราคาจะสูงกว่าแคนตาลูปเนื้อส้มนิด
หน่อย แต่ตลาดก็จะแคบกว่า เนื้อเขียวจะเสริมตลาดเนื้อส้ม เพราะตลาดนิยมเนื้อส้ม
มากกว่า แคนตาลูปเนื้อเขียวจะมีกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากราคาสูงกว่าเนื้อส้ม
แคนตาลูปเนื้อเขียวให้ความรู้สึกเหมือนสีเนื้อของเมล่อนและมธุรสูงกว่าเนื้อส้ม แต่ก็ปลูก
ยากกว่าเนื้อส้ม ส่วนเนื้อส้มก็จะมีจุดเด่นที่กลิ่นหอม สีเนื้อสวย น่าทาน
เทคนิคการปลูกและดูแลแคนตาลูป
เจมส์บอกว่าความสำเร็จเพราะเครื่องปั่นไฟใช้ในการปลูกแคนตาลูปแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะการที่สามารถเอาชนะโรค-แมลงได้ ให้ผลผลิตเสียหายน้อย
ที่สุด วิธีการปลูก เริ่มจากการเพาะกล้า วัสดุเพาะเจมส์จะใช้มีเดียซึ่งจะทำให้กล้าเติบโตดี
อัตราการรอดสูง การเพาะเมล็ดไม่ได้บ่มเมล็ดแต่อย่างใด แต่จะใช้วิธีจิ้มแห้ง หรือ การจิ้ม
เมล็ดลงในมีเดียโดยตรงโดยไม่ได้ทำอะไรเพื่อกระตุ้นการงอก เมื่อต้นกล้าอายุ 10 วัน ก็
จะย้ายลงแปลงปลูกได้ ช่วงร้อนอาจใช้เวลาแค่ 8-9 วัน ช่วงหนาวอาจนานถึง 12 วัน การ
เตรียมแปลงของเจมส์จะต่างจากแปลงแคนตาลูปที่เราคุ้นเคยเจมส์บอกรถไถเขตนี้เตรียม
แปลงอย่างที่เราเคยเห็นไม่ได้ เลยต้องประยุกต์ไป แปลงปลูกของเจมส์จะเป็นแบบร่องคู่
และปลูกแถวคู่ ความกว้างของร่องคู่ก็ประมาณเมตรกว่าๆ เท่ากันแปลงปกติ ระยะปลูก
ระหว่างต้น 40 ซม. ระบบน้ำใช้น้ำหยด วางสายน้ำหยดบนร่องตามปกติ
การให้ปุ๋ยจะรองพื้นด้วย 16-16-16 ก่อน ไร่ละ 25 กก.การให้ปุ๋ยกับต้นแคนตาลูปจะให้
ไปทางสายน้ำหยด ให้ปุ๋ยครั้งแรกอายุ 5 วัน ใช้สูตร 25-5-5 หรือ 25-7-7 อัตรา 3 กก./ไร่
ให้ปุ๋ย 1 วัน เว้น 1-2 วัน ตามสภาพต้น โดยค่อยๆเพิ่มปริมาณปุ๋ยขึ้นเรื่อยๆ ครั้งละ 100
กรัม จนกระทั่งปุ๋ยเพิ่มเป็น 6 กก./ไร่ เมื่ออายุ 1 เดือนกว่าๆ ช่วงนี้แคนตาลูปจะเริ่มติดลูก
แล้ว เปลี่ยนสูตรปุ๋ยเป็น 16-16-16 อัตรา 6 กก./ไร่ และให้ปุ๋ยสูตรนี้ยาวไปจนอายุ 40 วัน
เริ่มจะแขวนลูก เปลี่ยนมาใช้สูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 โดยยังยืนอัตรา 6 กก./ไร่
ไปจนกระทั่งก่อนเก็บเกี่ยว 10 วัน จึงงดปุ๋ย นอกจากนี้ก็จะเสริมปุ๋ยทางใบพ่นทุก 7-10 วัน
ช่วงแรกจะใช้สูตร 30-20-10 หลังติดผลแล้วบำรุงลูกด้วยสูตรเสมอ 20-20-20 พอลูกใกล้
แก่จะหยุดปุ๋ยทางใบ นอกจากนี้ก็จะมีการพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบกลุ่มแคลเซียม-โบรอน
เป็นช่วงๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น