- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
กล้วย |
"กล้วยน้ำว้าอินทรีย์" สามพราน
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนมีโอกาสไปเดินชมงาน "วันสังคมสุขใจ ครั้งที่ 1" ณ สวนสามพราน ที่หน่วยงาน ภาครัฐ-เอกชน-เกษตรกร-NGO ร่วมผนึกกำลังจัดงานนี้ขึ้นมา ภายใต้แนวคิด ย้อนสังคมไทย สู่เกษตรอินทรีย์ เพื่อชีวีปลอดภัย โดยได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน
กิจกรรมไฮไลต์ของการจัดงานครั้งนี้คือ การเปิดตลาดน้ำอินทรีย์ย้อนยุค โดยให้เกษตรกรนำผลผลิตอินทรีย์ลงเรือมาจำหน่าย และตลาดบกโบราณอินทรีย์ ที่มีผลผลิตอินทรีย์ สดจากไร่ ตัดใหม่จากสวนของเกษตรกรกว่า 100 ชนิด มาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ ในราคาสบายกระเป๋า ภายในงานมีทั้งกิจกรรม ช็อป ชิม แชร์ ให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจในการใช้วิถีชีวิตอินทรีย์ให้กับผู้เข้าชมงานอย่างมากมาย เช่น ซุ้มกุหลาบมอญอินทรีย์ ไอเดียบ้านดินพอเพียงในฝัน การสอนเทคนิคการทำปุ๋ย การบำรุงดิน การปลูกพืชผักสวนครัวในกระถาง และจากวัสดุเหลือใช้ทุกวันนี้ อำเภอสามพราน มีชื่อเสียงในฐานะ "แหล่งปลูกผักผลไม้คุณภาพดี" เพราะได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน แถมมีคลองธรรมชาติและคลองซอยจำนวนมากที่ถูกขุดมาสำหรับใช้ในภาคการเกษตรและการคมนาคม ทำให้ที่นี่เป็นทำเลทองสำหรับการเพาะปลูกพืชผักไม้ผลนานาชนิด
ผู้เขียนรู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรในชุมชนแห่งนี้ เพราะเกษตรกรมีการรวมตัวกันแลกเปลี่ยน-เรียนรู้ข้อมูลการปลูก และการตลาดอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดงานครั้งนี้ เกษตรกรแต่ละกลุ่มได้นำจุดเด่นของพวกเขาออกมาโชว์กันอย่างเต็มที่ เช่น
"กลุ่มบางช้าง" มีจุดเด่นในเรื่องสมุนไพร ผลไม้ต่างๆ "กลุ่มหอมเกร็ด" ก็เก่งในเรื่องการขยายพันธุ์ไม้ จำพวกมะพร้าว กล้วยหักมุก กล้วยนาก ที่สามารถนำไปขยายพันธุ์ได้ทันที "กลุ่มเครือข่ายพี่น้อง 2 ตำบล" เก่งเรื่องการปลูกส้มโอ ชมพู่ทับทิมจันท์ มะพร้าวน้ำหอม ฝรั่ง และกล้วยน้ำว้า "กลุ่มคลองโยง" โดดเด่นเรื่องการปลูกข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมนครชัยศรี ที่ชาวนาร่วมกันพลิกฟื้นกลับมาปลูกกันอีกครั้งหลังจากข้าวสายพันธุ์นี้หายไปจาก จังหวัดนครปฐมนานกว่า 40 ปี และ "กลุ่มส้มโอไทยทวี" ที่มีฝีมือในเรื่องการปลูกส้มโอนครชัยศรี ที่มีรสชาติหวานกรอบ
"กล้วยน้ำว้าอินทรีย์" ผลไม้ดี รสอร่อย
คุณละมัย สระทองหน เจ้าของ "บ้านสวนละมัยพร" โทร. (087) 368-8469 คุณละมัยมีพื้นที่ทำกิน จำนวน 19 ไร่ ที่เน้นปลูกพืชผักและผลไม้อินทรีย์แบบผสมผสาน แถมยังสร้างวงจรชีวิตแบบง่ายๆ โดยการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ และหมู เพื่อนำมูลสัตว์มาใช้เป็นปุ๋ยคอก ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยไปได้ส่วนหนึ่ง คุณละมัยมีความฝันที่จะเปิดบ้านสวนละมัยพร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ในอนาคต
สินค้าเด่น ที่คุณละมัยและเพื่อนเกษตรกร 19 ราย ใน "กลุ่มเครือข่ายพี่น้อง 2 ตำบล" นำมาจัดแสดงและจำหน่ายในงานครั้งนี้ คือ กล้วยน้ำว้า มะเฟือง มะพร้าวน้ำหอม ผักกินใบ คุณละมัย เล่าว่า เดิมทีก็ปลูกพืชผักไม้ผลโดยใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีเช่นเดียวกับเกษตรกรคนอื่นๆ จนกระทั่ง ปี 2554 คุณละมัยเปลี่ยนแนวคิดการปลูกพืชเข้าสู่วิถีเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มตัว ทำให้ประหยัดต้นทุนการเพาะปลูก สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาสารเคมีตกค้างเหมือนในอดีต
คุณละมัย ปลูกพืชผักผลไม้ผสมผสานในสวน หากพบว่า ตรงไหนมีพื้นที่ว่างก็ปลูกกล้วยน้ำว้าแซมเข้าไป คุณละมัยและเพื่อนๆ อาศัยการแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชคุณภาพดีกันอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เพื่อนของคุณละมัยได้ "กล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50" ก็นำมาแบ่งปันกันปลูกในกลุ่มเพื่อน ทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและผลผลิตในกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรให้เกิดความก้าวหน้าและเข้มแข็งไปพร้อมๆ กัน
ข้อดีของ "กล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50" คือ เครือใหญ่ น้ำหนักเครือมาก 30-33 กิโลกรัม จำนวนหวีมากกว่า 10 หวี จำนวนผลต่อหวี ประมาณ 18 ผล ผลกล้วยใหญ่อ้วนดี เนื้อแน่น รสชาติอร่อย เป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาค่อนข้างดี
การปลูกกล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50 โดยทั่วไปนิยมเตรียมหลุมปลูก 50x50x50 เซนติเมตร คลุกเคล้าปุ๋ยคอกผสมดินประมาณหลุมละ 2 กิโลกรัม รองก้นหลุมขึ้นมาประมาณ 30 เซนติเมตร เสียก่อน จึงค่อยปลูกต้นกล้วยและกลบบริเวณโคนต้นให้แน่น หากต้องการให้มีผลผลิตที่ดี และมีขนาดกอใหญ่ ควรปลูกในระยะ 4x4 เมตร เลี้ยงกอละ 4 ต้น ก็เพียงพอแล้ว และคอยดูแลให้น้ำอย่างชุ่มชื้นเพียงพอ ประมาณ 6-7 เดือน ต้นกล้วยจะเริ่มแทงหน่อ ตกเครือ และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนที่ 9 กล้วยอินทรีย์ และผลไม้อื่นๆ เช่น ฝรั่ง มะเฟือง มะพร้าวน้ำหอม ฯลฯ ที่มีคุณภาพดี เนื้อกรอบ หวาน อร่อย เป็นที่ยอมรับของโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ โรงแรมสามพรานฯ จึงสั่งซื้อสินค้าพืชผักไม้ผลจากกลุ่มเกษตรกรแห่งนี้ ตั้งแต่ ปี 2556 เป็นต้นมา
กลุ่มเกษตรกรได้รวบรวมผลผลิตที่ปลูกแบบปลอดสารพิษส่งขายให้โรงแรมสามพรานฯ เฉลี่ย สัปดาห์ละ 500 กิโลกรัม โดยคัดคุณภาพและขายตามเกรด สำหรับกล้วยน้ำว้าคุณภาพดี จะขายได้ในราคาละกิโลกรัม 10 บาท กล้วยหอม ขายกิโลกรัมละ 20 บาท กล้วยไข่และกล้วยเล็บมือนาง ขายกิโลกรัมละ 15 บาท ส่วนสินค้าเกรดรอง ทางโรงแรมจะรับซื้อในราคาย่อมเยาลงมา เพื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงช้าง
คุณละมัย บอกอีกว่า ปัจจุบันพวกเราสามารถพัฒนาระบบการผลิตพืชผักไม้ผลอินทรีย์ จนได้คุณภาพมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นโดยสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movement) จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) แม้ว่าการปลูกพืชผักไม้ผลในระบบเกษตรอินทรีย์จะมีผลผลิตน้อยกว่าการปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี แต่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ที่สำคัญทั้งตัวคุณละมัยและลูกค้าบริโภคสินค้าพืชผักไม้ผลได้อย่างสบายใจ
คุณฉวี สวนแก้ว หรือ ป้าฉวี วัย 70 ปี สมาชิกอีกคนหนึ่งในกลุ่มเครือข่ายพี่น้อง 2 ตำบล ที่ปลูกเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ได้แก่ ถั่วพู กระชาย ผักชี คะน้า กวางตุ้ง ฟัก และกล้วยน้ำว้า บนพื้นที่ 5 ไร่ ในอดีตป้าฉวีก็เคยทำเกษตรโดยใช้สารเคมี เพราะอยากได้ผลผลิตดี รูปร่างสวยงาม เพราะดูแลง่าย ขายได้ราคาดี แต่เจอปัญหาต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายาสูง ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนแถมร่างกายก็ป่วยไข้ง่าย
ป้าฉวี จึงตัดสินใจทำเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มตัว เมื่อ ปี 2553 โดยมีเครือข่ายเพื่อนเกษตรกรพี่น้อง 2 ตำบล และมูลนิธิสังคมสุขใจคอยเป็นพี่เลี้ยง ทุกสัปดาห์ทางสวนสามพรานจะส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปให้คำปรึกษาและแนะนำ ติดตามความก้าวหน้าในการดูแลแปลงผัก นอกจากนี้ ป้าฉวีก็เข้าประชุมกลุ่มเครือข่ายเพื่อนเกษตรกรพี่น้อง 2 ตำบล ทุกเดือน เพื่อเรียนรู้เทคนิคและวิธีการพัฒนาแปลงปลูก
ป้าฉวี บอกว่า ตอนแรกที่ตัดใจเลิกใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด ผลผลิตก็ได้น้อยลง แต่พอลงมือทำอย่างจริงจัง นานวันเข้า ก็ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าที่คิด ทุกวันนี้ผลผลิตจากสวนป้าฉวีจะขายให้กับโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ ทุกวันๆ อังคารกับวันเสาร์ ส่วนวันศุกร์กับวันเสาร์ ส่งไปขายที่ตลาดสุขใจ นอกจากนี้ ยังมีแม่ค้ารายอื่นๆ ติดต่อขอซื้อผักผลไม้อินทรีย์ หลังหักค่าใช้จ่าย จะมีเงินเหลือเก็บ ประมาณ 4,000-5,000 บาท ต่อเดือน นอกจากมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงขึ้นแล้ว ชีวิตครอบครัวป้าฉวียังพบกับความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะลูกสาวป้าฉวีที่เคยทำอาชีพเป็นสาวโรงงานตัดสินใจหันกลับมาช่วยแม่ทำอาชีพเกษตรกรรมอย่างเต็มตัว ทำให้ทุกวันนี้ ป้าฉวีมีความสุขอย่างเหลือล้น
โครงการสามพรานโมเดล
โครงการ "สามพรานโมเดล เกิดจากแนวคิดของ คุณอรุษ นวราช ผู้บริหารโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ หรือสวนสามพราน ที่อยากได้ผัก ผลไม้ ที่เป็นอินทรีย์บริการกับลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยใน ปี 2553 จึงเริ่มต้นด้วยการปลูกผักอินทรีย์ ในพื้นที่ 30 ไร่ ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำของสามพรานริเวอร์ไซด์ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตามห้องอาหารของโรงแรม แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต่อมามีเกษตรกรบางส่วนในพื้นที่ใกล้เคียงต้องการจะปรับเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเคมีมาสู่อินทรีย์ แต่ยังขาดองค์ความรู้ และที่สำคัญที่สุดคือ ตลาด จึงเข้ามาร่วมกับสามพรานริเวอร์ไซด์ เกิดขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจเชิงคุณค่าสามพราน
ในช่วงเริ่มต้นของการทำโครงการ เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่อยากเปลี่ยนเป็นระบบอินทรีย์ เพราะคิดว่าทำยาก ให้ผลผลิตน้อย และไม่มีตลาดรองรับ ดังนั้น ทางสามพรานริเวอร์ไซด์ จึงเริ่มทำตลาดทางเลือกให้กับเกษตรกร คือ ตลาดสุขใจ ในพื้นที่กว่า 2 ไร่ ให้เกษตรกรนำผลผลิตอินทรีย์ และผักปลอดสารพิษมาจำหน่ายตรงถึงมือผู้ซื้อ ทางสวนสามพรานจัดหาผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือมาสุ่มตรวจคุณภาพพืชผักของเกษตรกรทุกสัปดาห์ ว่ามีสารเคมีตกค้างหรือไม่ ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ นอกจากนี้ ทางโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ ยังรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร โดยมีการประกันราคาให้ด้วย
คุณอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ สามพรานริเวอร์ไซด์ และเลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ กล่าวว่า มูลนิธิสังคมสุขใจ สามพรานริเวอร์ไซด์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ร่วมกันผลักดัน โครงการ "สามพรานโมเดล" เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิถีในการทำการเกษตรของเกษตรกร ในอำเภอสามพราน และภายในจังหวัดนครปฐม จากการใช้เคมีมาใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ โดยก่อนหน้านี้อำเภอสามพราน ร่วมกับ 40 หน่วยงาน ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมลงนามความร่วมมือในการพัฒนา ห่วงโซ่อุปทานสินค้าอินทรีย์ โดยตั้งเป้าว่าจะพัฒนาอำเภอสามพราน ให้เป็นชุมชนแห่งความสุข ปลอดสารเคมี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
"ผมเชื่อว่า งานวันสังคมสุขใจ จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วน ด้านเกษตรกรก็จะได้เห็นความต้องการของตลาดที่กว้างขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาแปลงปลูกและแผนการจัดการผลผลิต ด้านผู้บริโภค ซึ่งได้พบเจอ ได้พูดคุยกับเกษตรกรโดยตรง ก็จะมีความมั่นใจในสินค้าที่เขาซื้อมากขึ้น ตลอดจนรู้แหล่งสินค้าอินทรีย์ ผมคาดหวังว่า โครงการสามพรานโมเดลไปขยายผล สู่การสร้างสังคมสุขใจให้แก่ชุมชนอื่นๆ ได้ในอนาคต" คุณอรุษ กล่าวในที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ หรือต้องการลิ้มรสชาติพืชผัก ผลไม้ แวะไปได้ที่ ตลาดสุขใจ ที่ สวนสามพรานริเวอร์ไซด์ ในช่วงวันหยุดสัปดาห์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (034) 322-588-93 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.sampranmodel.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น